ลาล่าลาลา ลาล่าลาลา แหมๆ วันนี้อารมณ์ดีแบบนี้ ฮัมเพลงไปเรื่อยเปื่อย แต่ว่า แค่ฮัมเพลงอย่างเดียวมันไม่พอน้ะซิคะทุกคน เอ...... เราควรจะหาเครื่องดนตรีซักชนิด เล่นไม่ยาก พกพาสะดวก อืมม เราขอเสนอ อูคูเลเล่ ค่ะ เชื่อว่าหลายๆคน คงรู้จัก และคุ้นหน้าคุ้นตา เจ้าอูคูเลเล่ กันเเล้วใช่ไหมคะ แล้วรู้จักหรือเปล่าคะ ว่า เจ้าดนตรีเครื่องนี้ถือกำเนิดมาได้ยังไง เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
ประวัติอูคูเลเล่ (History of Ukulele)

Ukulele (อูคูเลเล่) เป็นเครื่องดนตรีที่มีต้นกำเนิดมาจากฮาวาย ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 19 หรือเมื่อประมาณ 150 ปีก่อน โดยเริ่มจากที่นักดนตรีโปรตุเกสคนหนึ่งที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังชาย ฝั่ง Hanolulu ของฮาวาย และหอบเอาเครื่องดนตรีคล้ายกีตาร์จิ๋วที่เรียกว่า Cavaquinho มาด้วย จนสร้างความสนใจให้กับชาวพื้นเมืองฮาวายเป็นอย่างมากในสมัยนั้น และในที่สุดก็ได้มีการดัดแปลงเครื่องดนตรีจากโปรตุเกสดังกล่าวให้กลายเป็น อูคูเลเล่ ใช้สำหรับให้ความบันเทิงและสนุกสนานในหมู่เกาะฮาวาย และมันก็ถูกนำไปใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่เกาะนับตั้งแต่นั้นมา จนเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1950 ได้มีการนำ ukulele ไปเล่นทั่วโลก และได้รับความนิยมอย่างมากมาย จึงทำให้อูคูเลเล่เปลี่ยนจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองฮาวาย กลายมาเป็นเครื่องดนตรีสากลในที่สุด
Ukulele ได้รับความนิยมถึงจุดสูงสุดในช่วงปี 1960-1985 เมื่อมีนักดนตรีชื่อดังหลายคนนำเครื่องดนตรีชนิดนี้ไปประกอบเพลง เช่น เจค ชิมาบุคุโร, จอร์จ แฮร์ริสัน, ซารา วัตกินส์ เป็นต้น ทำให้หลาย ๆ คนสรรหาเครื่องดนตรีชนิดนี้มาไว้ในครอบครองบ้าง ด้วยความที่มันเป็นเครื่องดนตรีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก และมีเสียงนุ่มไพเราะเหมือนกับกีตาร์ อีกทั้งยังสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ ukulele จึงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
สำหรับชื่ออูคู่เล เล่ "Ukulele" (ออกเสียงว่า อูกูลีเล แต่ในบ้านเราส่วนใหญ่จะออกเสียงว่า อูคูเลเล่) เมืองนอกก็มักจะเรียกมันสั้น ๆ ว่า อูกี (Uke), อู๊ค หรือ ยู๊ก ซึ่งก็เป็นชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของเจ้าอูคูเลเล่ ส่วนความหมายของชื่อ Ukulele ซึ่งเป็นภาษาฮาวาย มาจากคำว่า "uku" ซึ่งแปลว่า "ของขวัญหรือรางวัล" ส่วนคำว่า "lele" แปลว่า "การได้มา" ดังนั้นเมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน จึงแปลความหมายได้ว่า "ของขวัญที่ได้มา" หรือจะแปลได้ว่า Jumping Flea ซึ่งในภาษาไทยหมายถึง หมัดกระโดด โดยน่าจะเป็นการเปรียบเทียบท่าทาง การเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ในขณะที่จับคอร์ดว่ามีลักษณะคล้ายหมัดที่กำลัง กระโดดนั่นเอง
วิธีเลือกซื้ออูคูเลเล่

สำหรับใครที่อยากเล่น อูคูเลเล่ ก็ต้องซื้อหาจับจองมาเป็นเจ้าของซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่ 1,500 - 50,000 หรือสูงกว่านั้นขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำ
1.อูคูเลเล่ ที่ดี ต้องไม่ใช่สวยแค่รูป เสียงเป็นส่วนที่สำคัญกว่า(เว้นเสียแต่ว่า จะซื้อมาตั้งโชว์เฉย ๆ) แต่ให้ดีที่สุดคือเสียงและรูปควรจะดีทั้งคู่ ลวดลายที่ฝังมุก ทำขอบคิ้วไม่ได้มีผลกับเสียงถ้าจะต้องจ่ายเพิ่มก็ควรคำนึงถึงจุดนี้ด้วยแต่บางยี่ห้อก็ใส่เครื่องประดับเข้าไปเยอะจนทำให้เสียงทึบและหนักเข้าไปอีก
2.ไม้ที่ใช้ทำมีส่วนสำคัญมาก ไม้แต่ละชนิดจะให้เสียงแตกต่างกันไปถ้าพอจะมีกำลังทรัพย์ ขอแนะนำให้ซื้อไม้ที่เป็นไม้แท้ทั้ง ตัว (solid)จะดีกว่าไม้อัด (composite หรือ plywood) ยกตัวอย่าง ไม้ all solidmahogany ก็จะทำจากมะฮอกกานีทั้งแผ่น ไม่ผสมอะไรใด ๆ ทั้งสิ้นแต่ถ้าเป็นไม้ composite อาจจะเป็นลักษณะที่่ว่านำไม้อัดมาทำแล้วใช้มะฮอกกานีแผ่นบาง ๆ แปะด้านหน้าเพื่อความสวยงาม
3.ไม้ที่เป็น solid ยิ่งเล่น เสียงจะยิ่งดีขึ้นตามกาลเวลาเก็บให้เก่าอย่างเดียวก็จะไม่ดีเท่าเก็บแล้วเล่น ต้องเล่นให้ไม้มันได้สั่นได้ดิ้นบ้าง
4.เสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผ่านไปประมาณ 1 ปี แล้วน้ำหนักจะเบาลงเพราะไม้จะแห้ง สังเกตอูคูเลเล่รุ่นเก่า ๆจะเบากว่าตัวใหม่ที่เพิ่งออกมาจากโรงงานโดยส่วนตัวแล้วถ้าซื้อของมือสองแล้วเสียงมันดีอาจดีกว่าซื้อมือหนึ่งแต่เสียงไม่ดี(แล้วก็ไม่แน่ว่าอีกปีเสียงมันจะดีขึ้นมา)
5.สังเกตบริเวณรอยต่อต่าง ๆ ควรจะต้องหนาแน่น จุดที่ควรระวังคือ บริเวณคอและบริเวณ bridge (ส่วนที่สายด้านล่างลงมาร้อย) ใช้ไปนาน ๆ บางทีคอเบี้ยวคอคด ส่วนที่เป็น bridge ถ้ากาวไม่หนาแน่น มันอาจจะหลุดออกมาได้เพราะแรงดึงของสาย (บางยี่ห้อ ยังไม่ทันจะไขให้สายตึงได้ทูน ไขไป bridgeดังแก๊ก ๆ ๆ ๆ แล้ว) สั
6.วางอูคูเลเล่ ในแนวระนาบ แล้วเล็งดูว่าไม้มีการคดงอหรือไม่แนบตาลงไปจนชิดกับส่วนท้ายของอูคูเลเล่ แล้วส่องไปที่ส่วนหัวเราควรจะเห็นเฟรทบอร์ดเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ถ้า อูคูเลเล่ คอเบี้ยวจะมองออกว่าเฟร็ดไม่อยู่ในแนวระนาบ อูคูเลเล่ ใหม่ ๆ ไม่ค่อยมีปัญหานี้(แต่ก็ไม่แน่) ส่วนมากอูคูเลเล่เก่า ๆ จะเป็นเนื่องจากเก็บไม่ถูกวิธี
7.ลองขยับ ไข tuners ดูว่าหลวมหรือเปล่า ไขได้คล่องมั้ย ถ้าเป็น frictiontuners เราอาจจะต้องไขหมุดโลหะด้านบนสุดก่อน (แล้วมันจะแน่นขึ้น)แต่ก็ไม่ควรไขจนหมุนไปไหนไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับไม้ได้
8.ลูบ ๆ คลำ ๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นขอบของเฟทบอร์ด ควรจะถูกตะไบให้เรียบร้อยไม่ให้มีส่วนแหลมคม คงไม่ดีแน่ถ้าเล่นแล้วเฟรทแทงฉึก เลือดพุ่ง
9. ลูบ ๆ คลำ ๆ (อีกแล้ว) ไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าแล็คเกอร์ถูกทาสม่ำเสมอทั่วตัวหรือไม่ (เว้นรุ่นผิวด้าน อาจจะดูยากนิดนึง)

อูคูเลเล่ กีตาร์ฮาวาย
10.สังเกตโดยรอบว่ามีรอยแตก รอยหัก รอยบิ่น รอยข่วนใด ๆ หรือไม่ของมือหนึ่งไม่ควรจะเป็นรอย ของมือสองอาจจะมีรอยบ้าง ถ้าเป็นแค่รอยข่วน(scratch) ที่ผิวแลกเกอร์ไม่ได้กินลึกเข้าไปในเนื้อไม้ ก็เป็นเรื่องปกติเพราะเกิดจากการผ่านการเล่น ผ่านการสตรัม แต่ถ้าเป็นรอยแตกของเนื้อไม้(crack) ต้องระวังให้ดี เพราะเล่นไปนาน ๆ อาจจะแตกเพิ่มถ้าไม่ซ่อมแซมแต่บางรอยแตกเป็นแบบแตกบาง ๆ (hairline crack) ก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมถ้ารอยแตกใหญ่ถึงขนาดที่ส่องอูคูเลเล่กับไฟแล้วเห็นทะลุลอดไปได้ควรจะระวังเป็นพิเศษ
อ้อ..อย่า ลืมส่องดูข้างใน sound hole เผื่อเจอแมงมุมทำรังอยู่ระวังโดนกัด สังเกตดูพวก braces (กระดูกงู หรือเปล่า) ที่อยู่ตามขอบด้านในว่างานเรียบร้อยดี
11.ดมดู (อย่าเพิ่งขำไป) ถ้าซื้อของเก่ามือสอง กลิ่นควรจะเก่า ๆถ้ากลิ่นใหม่ให้พึงระวังว่า อาจจะผ่านการซ่อมแซมและทาแลกเกอร์ใหม่ทับ
12.Intonation ควรจะถูกต้อง แต่ละเฟรทควรจะมีโน้ตที่ถูกต้อง ถ้ามีเครื่องdigital tuner ก็ไช้ไล่ไปเลยทีละช่อง เทียบกับตารางโน้ต ที่เฟรท 12เสียงควรจะกลับมาเป็น G C E A
13.สตรัมเพลงโปรดสักเพลงสองเพลง แล้วลองฟังดูอาจจะให้เพื่อนไปยืนอีกฟากหนึ่งของห้อง แล้วช่วยฟัง tone และ harmonicเสียงควรจะกลมกล่อม ไม่ควรมีโน้ตใดโน้ตหนึ่งกระโดดดึ๋งออกมาโดยไม่ได้รับเชิญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราฟัง เราเล่น แล้วเราชอบก็ไม่ต้องไปสนใจใคร
ในปัจจุบันการหัดเล่นด้วยตนเองเป็นอะไรที่ง่ายมาก เนื่องด้วยเครื่องดนตรีชนิดนี้เล่นง่ายอยู่เเล้วอีกทั้งยังมี คนเก่งๆที่มาสอนลง Youtube กันเป็นจำนวนมาก ทำให้เราเล่นตามได้อย่างง่ายๆ
เราลองมาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ
เราลองมาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ
ขอขอบคุณ http://musicstation.kapook.com/view25754.html
http://ukebegin.blogspot.com/2013/09/history-of-ukulele-ukulele-ukulele-19.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น